แหล่งดาวน์โหลดโปรแกรมน่าสนใจ

ดาวน์โหลดโปรแกรมที่จำเป็นต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว และธุรกิจของคุณ
โรค allergy หากมีอาการหนักมาก ควรไปหาหมอดีหรือไม่?

หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้ว่ามันคือโรคอะไรกันนะ แล้วมีผลอย่างไรกับเราบ้างวันนี้เรามาดูกัน ภูมิแพ้ หรือ allergy เป็นภาวะที่ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารที่ปกติไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคนทั่วไป พนักงานออฟฟิส Freelance แต่บางคนอาจทำให้เกิดอาการแพ้ โดยสารเหล่านี้เรียกว่า “สารก่อภูมิแพ้” เช่น ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ อาหารบางชนิด และสารเคมีต่าง ๆ อาการภูมิแพ้สามารถแสดงออกได้หลากหลาย ตั้งแต่คัน จาม น้ำมูกไหล ไปจนถึงหอบหืดหรือปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (anaphylaxis) แม้ว่าอาการภูมิแพ้บางครั้งจะไม่รุนแรง แต่ในบางกรณีก็อาจต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ แล้วภูมิแพ้แบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?

ก่อนไปพบหมอเราควรเช็คอาการเบื้องต้นกันก่อนดีกว่าว่าเราเข้าข่ายข้อไหนบ้าง

เตรียมตัวอย่างไรก่อนพบแพทย์
เพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษามีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยควรเตรียมตัวก่อนพบแพทย์ ดังนี้

บันทึกอาการและระยะเวลา
จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้น ระยะเวลาที่เกิด กระตุ้นที่น่าจะเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้ เช่น อาหารที่รับประทานหรือกิจกรรมที่ทำ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยและหาสาเหตุของอาการภูมิแพ้ได้แม่นยำขึ้น

รายการยาที่ใช้
นำรายการยาที่ใช้ปัจจุบันรวมถึงยาที่ใช้เป็นประจำไปด้วย เพื่อให้แพทย์ทราบข้อมูลที่จำเป็นในการวินิจฉัย การแจ้งข้อมูลยาที่ใช้จะช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้จากยาที่แพ้ได้

ข้อมูลประวัติการแพ้ในครอบครัว
หากมีประวัติการแพ้ในครอบครัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา การมีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้มากขึ้น

นำข้อมูลจากการทดสอบภูมิแพ้ก่อนหน้า (ถ้ามี)
หากเคยทำการทดสอบภูมิแพ้มาก่อน เช่น การทดสอบทางผิวหนังหรือการทดสอบเลือด ควรนำผลการทดสอบไปให้แพทย์ดูด้วย เพื่อช่วยในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

เมื่อเราเช็คลิสตัวเองได้แล้วก็มาดูกันว่าเรานั้นเป็นภูมิแพ้มีชนิดไหนบ้าง? ก่อนที่จะทราบว่าอาการภูมิแพ้ที่ควรไปพบแพทย์ เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของภูมิแพ้ที่พบได้ทั่วไป ดังนี้

1. ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ
ภูมิแพ้ชนิดนี้เกิดจากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการจาม น้ำมูกไหล คันตา คันจมูก และหอบหืด

2. ภูมิแพ้ผิวหนัง
ภูมิแพ้ผิวหนังมักเกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น สบู่ แชมพู ครีม โลชั่น หรือจากอาหารที่รับประทาน ทำให้เกิดผื่นคัน แดง หรือบวมที่ผิวหนัง

3. ภูมิแพ้อาหาร
ภูมิแพ้อาหารเกิดจากการรับประทานอาหารที่ร่างกายเกิดปฏิกริยาภูมิแพ้ เช่น ถั่วลิสง นม ไข่ อาหารทะเล ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง อาเจียน หรืออาการแพ้ที่รุนแรงกว่า

4. ภูมิแพ้แมลงกัดต่อย
ภูมิแพ้ชนิดนี้เกิดจากการถูกแมลงกัดต่อย เช่น ผึ้ง ต่อ แตน ทำให้เกิดอาการบวม แดง ปวดบริเวณที่ถูกกัด และในบางกรณีอาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรงได้

5. ภูมิแพ้ยา
ภูมิแพ้ยามักเกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ซึ่งสามารถทำให้เกิดผื่นคัน บวม แดง หรืออาการแพ้ที่รุนแรงเฉียบพลันรุนแรงได้

จากนั้นแนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จำเป็นต้องดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาการภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อาการเล็กน้อย ไม่รุนแรงมากนัก จนถึงขั้นมีอาการหนัก เช่น หอบหืด ผื่นคันที่ไม่หายไป หรืออาการแพ้อาหารบางชนิดที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ หากพบว่าตนเองมีอาการภูมิแพ้รุนแรง หรือมีอาการที่รบกวนต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับการรักษาที่เหมาะสม การดูแลและจัดการภูมิแพ้ให้ดีจะช่วยให้ชีวิตประจำวันเป็นไปได้อย่างราบรื่นและสุขสบายมากขึ้น หากมีอาการที่น่าสงสัย หรือมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการเบาหวาน ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอาการเพิ่มเติม